Walker (1987) วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด
ตัวเล่นหลัก
เรื่องย่อ : Walker (1987) วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด
ดูหนัง วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด
รีวิวและสปอย
“วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด” (Walker, 1987) เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย Alex Cox ซึ่งเป็นผลงานที่นำเสนอการผจญภัยของ William Walker ชายหนุ่มที่เดินทางไปยังประเทศนิการากัวในศตวรรษที่ 19 เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในฐานะผู้ปกครองและผู้นำการปฏิวัติ ภาพยนตร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในประวัติศาสตร์ รวมถึงการผสมผสานระหว่างการเมือง การทหาร และอุดมการณ์ส่วนบุคคล
เนื้อเรื่องเริ่มต้นเมื่อ Walker รับบทโดย Ed Harris ได้เดินทางไปยังนิการากัว โดยหวังว่าจะได้สร้างอาณาจักรของตัวเอง เขาใช้ความสามารถในการชักจูงผู้คนและการรบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิด ทั้งการเผชิญหน้ากับอุปสรรคจากผู้ต่อต้านและความขัดแย้งภายในกลุ่มของเขาเอง ทำให้เขาต้องเผชิญกับความท้าทายและความสูญเสียที่สำคัญ
ภาพยนตร์นี้มีการนำเสนอในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา โดยใช้การเล่าเรื่องที่เป็นลักษณะเสียดสีและวิจารณ์สังคม ผ่านการแสดงของตัวละครที่มีมิติและความซับซ้อน Walker เองก็เป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในใจ โดยมีความหวังที่จะสร้างสรรค์ แต่กลับต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายในโลกที่เขาเลือก
นักแสดงในเรื่อง
- Ed Harris รับบทเป็น William Walker
- Peter Boyle รับบทเป็น Dr. John
- Richard Masur รับบทเป็นมิสเตอร์ฮิกส์
- Marlee Matlin รับบทเป็นหญิงสาว
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
“วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด” มีคะแนน IMDB อยู่ที่ 6.4/10 ซึ่งสะท้อนถึงการตอบรับที่หลากหลายจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ขณะที่ Rotten Tomatoes ให้คะแนนแก่ภาพยนตร์นี้อยู่ที่ 67% จากคะแนนที่ให้โดยนักวิจารณ์ และ 55% จากคะแนนผู้ชม ทำให้ภาพยนตร์นี้ถือเป็นผลงานที่น่าสนใจแต่ยังมีข้อถกเถียงในด้านของการนำเสนอ
สรุป
ภาพยนตร์ “วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด” ถือเป็นงานที่มีความสำคัญในบริบทของการวิจารณ์สังคมและการเมืองในยุคนั้น การเดินทางของ William Walker สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและความโหดร้ายของการแสวงหาอำนาจ ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์นี้ยังสามารถดึงดูดผู้ชมด้วยการเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์และการแสดงที่ยอดเยี่ยม
การที่ “วอคเกอร์ จ้าวหฤโหด” เป็นภาพยนตร์ที่มีการนำเสนอที่แตกต่างจากภาพยนตร์แนวเดียวกันในยุคนั้น ทำให้มันกลายเป็นงานที่น่าจดจำและมีคุณค่าในด้านศิลปะการเล่าเรื่อง แม้จะมีการตอบรับที่แตกต่างกันจากผู้ชม แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าภาพยนตร์นี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสังคมที่สำคัญ