Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท 1
ตัวเล่นหลัก
6 
เรื่องย่อ : Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท 1
ดูหนัง Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท 1
บทนำ
“Hunger Games: Mockingjay – Part 1” เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ-ดราม่า ที่สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของ ซูซาน คอลลินส์ ซึ่งเป็นภาคที่สามในซีรีส์ Hunger Games โดยเรื่องราวจะดำเนินต่อจากภาคที่สอง “Catching Fire” ที่จบลงด้วยเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปฏิวัติในเขตต่างๆ ของประเทศแพนเอ็ม โดยมีตัวละครหลักอย่าง แคทนิส เอเวอร์ดีน (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ต้องต่อสู้กับการกดขี่จากรัฐบาลของแคปิตอล ในขณะที่เธอพยายามที่จะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน
นักแสดงในเรื่อง
ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงมากฝีมือที่ร่วมสร้างความประทับใจ ได้แก่:
- เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ รับบท แคทนิส เอเวอร์ดีน
- จอช ฮัทเชอร์สัน รับบท ปีต้า เมลาร์ก
- ลิออนเนล ไดแอส รับบท กาเบรียล
- โดนัลด์ ซัทเธอร์แลนด์ รับบท สโนว์
- จูลี่น มัวร์ รับบท โคอิน
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
คะแนนจาก IMDB สำหรับ “Hunger Games: Mockingjay – Part 1” อยู่ที่ 6.6/10 ขณะที่คะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 66% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่ค่อนข้างดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์
สรุปเรื่องราว
ใน “Hunger Games: Mockingjay – Part 1” แคทนิส เอเวอร์ดีน ถูกนำมาไว้ในเขต 13 ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติ หลังจากที่เธอได้หลบหนีจากการแข่งขัน Hunger Games เป็นครั้งที่สอง เธอพบว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของประชาชนในประเทศแพนเอ็ม โดยมีการวางแผนที่จะใช้เธอเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านต่อรัฐบาลของแคปิตอล
ในขณะที่เธอพยายามทำให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการต่อสู้ แคทนิสต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง รวมถึงการเสียสละที่ต้องทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความเสรีภาพของผู้คน ส่วนปีต้า เมลาร์ก (จอช ฮัทเชอร์สัน) ก็ถูกจับตัวไปโดยรัฐบาล ซึ่งทำให้แคทนิสรู้สึกทุกข์ใจและต้องพยายามเข้าช่วยเหลือเขา
ในระหว่างการเดินทางนี้ แคทนิสได้พบกับผู้คนมากมายที่มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเธอได้เรียนรู้ถึงความหมายของการเป็น “ม็อกกิ้งเจย์” สัญลักษณ์ของการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้
บทสรุป
“Hunger Games: Mockingjay – Part 1” เป็นภาพยนตร์ที่เน้นไปที่ธีมของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ การเสียสละ และการทำให้เสียงของประชาชนได้ยิน โดยใช้การเล่าเรื่องที่เข้มข้นและนักแสดงที่มีความสามารถในการสร้างอารมณ์ให้กับผู้ชม นับเป็นอีกหนึ่งภาคที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวของซีรีส์นี้ไปในทิศทางที่น่าติดตาม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
