No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
ตัวเล่นหลัก
เรื่องย่อ : No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
ดูหนัง No Time to Die (2021) 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
No Time to Die เป็นภาพยนตร์ภาคล่าสุดในแฟรนไชส์ เจมส์ บอนด์ ที่ออกฉายในปี 2021 ซึ่งถือเป็นการกลับมาของ แดเนียล เคร็ก ในบทบาท 007 สุดท้ายของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย แคary โฟยูนคา และมีนักแสดงที่น่าทึ่งมากมาย รวมถึง ราเชล ไวซ์ และ รามี มาเลค ที่รับบทเป็นตัวร้ายหลัก
บทสรุปของเรื่อง
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ เจมส์ บอนด์ ได้ออกจากการเกษียณอายุและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในจาไมก้า แต่เมื่อเพื่อนเก่าของเขา เฟลิกซ์ ไลเตอร์ (รับบทโดย เดวิด ดันน์) กลับมาหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหานักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไป บอนด์ จึงต้องกลับเข้าสู่โลกของสายลับอีกครั้ง โดยต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่จาก ซาฟิน (รับบทโดย รามี มาเลค) ที่มีแผนการร้ายที่จะใช้เทคโนโลยีในการควบคุมชีวิตมนุษย์
การแสดงและนักแสดง
ใน No Time to Die นอกจาก แดเนียล เคร็ก ที่กลับมารับบท เจมส์ บอนด์ แล้ว ยังมีนักแสดงสำคัญอื่น ๆ ได้แก่:
- ราเชล ไวซ์ รับบทเป็น มาดเลน สวอน
- รามี มาเลค รับบทเป็น ซาฟิน
- าลล่า เดลี่ รับบทเป็น นูมี
- เบน วิชอว์ รับบทเป็น ควินน์
- เจฟฟ์ ไดจ์น รับบทเป็น เฟลิกซ์ ไลเตอร์
คะแนนและการวิจารณ์
ในด้านคะแนน No Time to Die ได้รับคะแนนจาก IMDb อยู่ที่ 7.3/10 และคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 84% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชมและนักวิจารณ์
การวิเคราะห์ภาพยนตร์
ภาพยนตร์ No Time to Die ถือเป็นการเดินทางที่น่าทึ่งของ เจมส์ บอนด์ ที่เต็มไปด้วยการกระทำที่เข้มข้นและเรื่องราวที่ซับซ้อน โดยเฉพาะการสำรวจด้านอารมณ์ของตัวละคร บอนด์ ที่ทำให้ผู้ชมเห็นถึงความเปราะบางและความเสียสละในการทำงานในฐานะสายลับ นอกจากนี้ การถ่ายทำและเทคนิคพิเศษยังทำให้ภาพยนตร์มีความน่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง
บทสรุป
โดยรวมแล้ว No Time to Die เป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพสูงซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และความรักในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย ภาคนี้ยังเป็นการปิดฉากการแสดงของ แดเนียล เคร็ก ในบทบาท เจมส์ บอนด์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบและสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ ทั่วโลก