Fahrenheit 451 (2018) ฟาเรนไฮต์ 451
ตัวเล่นหลัก
เรื่องย่อ : Fahrenheit 451 (2018) ฟาเรนไฮต์ 451
ดูหนัง ฟาเรนไฮต์ 451
บทนำ
ฟาเรนไฮต์ 451 เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของเรย์ แบรดเบอรี ซึ่งถูกนำมาดัดแปลงใหม่ในปี 2018 โดยผู้กำกับ ราห์มิน บาร์นีย์ เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่การอ่านหนังสือเป็นสิ่งต้องห้าม และผู้ที่พยายามรักษาความรู้และปัญญาจะถูกไล่ล่าอย่างไร้ความปรานี ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ชมตระหนักถึงอันตรายของการสูญเสียความรู้และวรรณกรรม แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการคิดและการตั้งคำถามในสังคมที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
นักแสดงในเรื่อง
- Michael B. Jordan รับบทเป็น Guy Montag
- Michael Shannon รับบทเป็น Captain Beatty
- Laura Harrier รับบทเป็น Clarisse McClellan
- Jahzir Bruno รับบทเป็น Peter Montag
- Lily Sepe รับบทเป็น Young Montag
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
คะแนน IMDB ของ ฟาเรนไฮต์ 451 อยู่ที่ 4.9/10, ขณะที่คะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 36% (Tomatometer) และ 37% (Audience Score) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์นี้ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม
สรุปเนื้อเรื่อง
เรื่องราวของ ฟาเรนไฮต์ 451 เกิดขึ้นในอนาคตที่รัฐบาลควบคุมข้อมูลและความรู้ โดยมีการเผาหนังสือเป็นกิจกรรมปกติ Guy Montag (Michael B. Jordan) เป็นนักดับเพลิงที่ทำงานในการเผาหนังสือ แต่เมื่อเขาได้พบกับ Clarisse (Laura Harrier) หญิงสาวที่มีความคิดแปลกแยกและตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกที่เขาอาศัยอยู่ ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป Montag เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอาชีพของเขาและสิ่งที่เขาเชื่อ จนทำให้เขาตัดสินใจที่จะหนีออกจากระบบและค้นหาความจริงเกี่ยวกับวรรณกรรมและความรู้
การเดินทางของ Montag นำเขาไปสู่การต่อสู้กับ Captain Beatty (Michael Shannon) หัวหน้ากองดับเพลิงที่เชื่อมั่นในระบบและมุ่งมั่นที่จะทำลายความรู้ที่เขาเริ่มเข้าใจ ขณะที่เขาพยายามที่จะรักษาหนังสือและความรู้ Montag ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกไล่ล่า การสูญเสียคนที่เขารัก และการต้องต่อสู้กับอุดมการณ์ที่เขาเคยยึดถือ
บทวิเคราะห์
แม้ว่า ฟาเรนไฮต์ 451 จะมีแนวคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการควบคุมและการสูญเสียความรู้ แต่ภาพยนตร์ก็ได้รับคำวิจารณ์ในด้านการเล่าเรื่องที่ไม่เข้มข้นและการพัฒนาตัวละครที่ไม่ชัดเจน ผู้ชมหลายคนรู้สึกว่าภาพยนตร์ไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์และแรงจูงใจของตัวละครได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การสร้างโลกในอนาคตที่สมจริงและน่าหลงใหลก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้ชมมีความคาดหวัง แต่ภาพยนตร์ยังไม่สามารถสร้างความรู้สึกของโลกที่ถูกควบคุมได้ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวคิดของแบรดเบอรีและต้องการเห็นการตีความใหม่ของเรื่องราวนี้ อาจจะยังถือว่าภาพยนตร์นี้มีคุณค่าอยู่บ้าง
บทสรุป
โดยสรุป ฟาเรนไฮต์ 451 เป็นภาพยนตร์ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจ แต่กลับประสบปัญหาในด้านการเล่าเรื่องและการพัฒนาตัวละคร ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามที่จะนำเสนอประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมข้อมูลและความรู้ แต่ภาพยนตร์ก็ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากนัก สำหรับแฟน ๆ ของนวนิยายต้นฉบับ อาจจะรู้สึกผิดหวังกับการตีความนี้ แต่ก็ยังเป็นการเสนอมุมมองที่สำคัญในยุคที่ข้อมูลถูกควบคุมและถูกบิดเบือน